รีวิวยา Dienogest สำหรับรักษาโรคเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่


ใครเคยปวดประจำเดือนจนน้ำตาไหลลองอ่านนี่ดูครับ

เป็นเรื่องที่ผมเขียนต่อจากการรีวิวยาคุม Natazia เพราะ dienogest คือยา 1ใน 2ตัวที่มีในยาคุมดังกล่าว เรื่องนี้เริ่มขึ้นจากที่ผมชอบการรีวิวยาคุม หากมีเวลาว่างก็จะมานั่งหาข้อมูลใน US FDA (อ.ย.สหัรฐ)ว่ามียาคุมใหม่ๆได้รับการอนุญาติหรือไม่ ซึ่งเหมือนการงมเข็มในมหาสมุทรมากๆสำหรับผม ปีนี้เจอไปแค่ 2ตัว ดังนี้
1.ยาคุมฉุกเฉิน ELLA
2.ยาคุมกำเนิด ยีห้อNatazia

และในยาคุม Natazia ก็มีส่วนประกอบหลักเป็นฮอร์โมนเพศหญิงสังเคราะห์ ชนิด Progestin มีฤทธิ์หลักๆเด่นๆ คือทำให้เลือดประจำเดือนมาน้อยลง และนี่จึงเป็นที่มาของการรีวิวยาตัวนี้ Dienogest

Dienogest เป็นกลุ่มฮอร์โมนโปรเจสตินสังเคราะห์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนโปรเจสโตเจนในท้องตลาดตัวอื่นๆ ดังนี้

  • มีฤทธิ์โปรเจสโตจินิกสูง ทำให้ผนังมดลูกสร้างได้ไม่เยอะ>>>ประจำเดือนเลยมาน้อย
  • มีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างฮอร์โมนLH และ FSH ได้ปานกลาง>>>จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องกระดูกพรุนและช่วยลดการสร้างผนังมดลูกได้
  • ไม่มีฤทธิ์การขับเกลือแร่เหมือน ยาสมิน >>ไม่มีฤทธิ์ลดอาการบวมนั้นนั่นเอง
  • มีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเอสโตรเจนปานกลาง>>>ทำให้ลดการสร้างผนังมดลูกได้ทั้งในมดลูก และผนังมดลูกที่ไปเจริญผิดที่ เช่นที่รังไข่ ที่อุ้งเชิงกราน>>>จึงลดอาการปวดได้ดีมาก
  • ไม่ค่อยจะมีฤทธิ์กดสิว ผิวมัน ขนดก เหมือนยาสมิน(หากเทียบกับไดแอนมีฤทธิ์กดสิวแค่ 1/3)
    ดังนั้นจากฤทธิ์ดังกล่าวจึง ได้รับขึ้นทะเบียนยาในประเทศไทยสำหรับรักษาโรคเยื้อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
    นอกจายยาตัวนี้ที่ใช้ลดอาการปวด และรักษาอาการผนังมดลูกเจริญผิดที่แล้ว ปกติก็มียาอื่นๆและวิธีการที่ไม่ใช้ยา ดังต่อไปนี้ครับ

----------------------------------------------------------------------------------------------------------
จุดมุ่งหมายในการรักษาโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่คือ ลดหรือกำจัดอาการของโรค
เช่น
หากผู้ป่วยมีอาการปวดประจำเดือน การรักษาก็มุ่งเน้นเพื่อลดอาการปวด
ในรายที่มีบุตรยากจากโรคดังกล่าว การรักษาก็จะมุ่งเน้นในเรื่องการช่วยให้มีบุตร
รือหากเป็นกรณีที่มีถุงน้ำรังไข่ การรักษาก็จะมุ่งเพื่อกำจัดถุงน้ำรังไข่ เช่น เฝ้าติดตามเมื่อถุงน้ำมีขนาดเล็กหรือผ่าตัดเฉพาะถุงน้ำเมื่อถุงน้ำมีขนาดใหญ่ เป็นต้น
ดังจะเห็นได้ว่า การรักษาโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่นั้น การรักษามิได้มุ่งจะกำจัดรอย โรค (ซึ่งโดยมากมักไม่สามารถกำจัดรอยโรคได้หมด) หากแต่เป็นการรักษาตามอาการของโรค และรอยโรคนั้นสามารถหายไปได้เองเมื่อเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ดังนั้นการรักษาโรคเยื่อบุโพรง มดลูกเจริญผิดที่ในผู้ป่วยแต่ละรายนั้นจะขึ้นกับอาการนำที่นำผู้ป่วยมาสู่การรักษานั้นเอง

การรักษาโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ สามารถแบ่งออกเป็น 2 กรณีใหญ่ๆ
ดังนี้คือ
การรักษาดัวยยาและการรักษาด้วยการผ่าตัด
การรักษาด้วยยา มักจะใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่ต้องการมีบุตร เนื่องจากยาที่ใช้รักษาโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่นั้น โดยมากจะมีผลต่อฮอร์โมนเพศและกดการทำงานของรังไข่ ทำให้ไม่ สามารถมีบุตรได้ในระหว่างการรักษา (ยกเว้นยาแก้ปวดที่จะไม่มีผลต่อการมีบุตร) การรักษาด้วย ยามักจะใช้ในรายที่มีอาการปวดประจำเดือน โดยที่ไม่มีถุงน้ำที่รังไข่หรือมีถุงน้ำรังไข่ขนาดเล็ก ขนาดไม่เกิน 2 - 3 เซนติเมตร
ยาที่ใช้ในการรักษามีดังนี้
ยาแก้ปวดและยาลดการอักเสบ อาจใช้ยากลุ่มพาราเซตตามอล (Paracetamol) ในการบรรเทาอาการปวดประจำเดือนในรายที่ปวดไม่มาก หรือหากต้องการฤทธิ์การแก้ปวดมากขึ้น อาจจะ ใช้ยาต้านการอักเสบเช่น พอนสแตน (Ponstan) เป็นต้น ซึ่งยาเหล่านี้จะช่วยลดอาการปวดประ จำเดือนได้ในรายที่ปวดไม่มาก

  • ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดรับประทาน มีการรายงานถึงการใช้ยาคุมกำเนิดในการรักษาโรคเยื่อบุ โพรงมดลูกเจริญผิดที่ว่า สามารถช่วยลดอาการปวดประจำเดือนและอาการปวดขณะมีเพศสัมพันธ์ได้
  • ยาคุมกำเนิดชนิดฉีด การใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฉีด (ยาฉีดคุมกำเนิด) เป็นที่นิยมมากในการรักษาโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เนื่องจากยามีประสิทธิภาพในการลดอาการปวดได้ดีและมีราคาถูก หากแต่อาจจะมีผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ได้เช่น ประจำเดือนมาผิดปกติหรือบางรายอาจจะไม่มีประจำเดือนมาเลย ในขณะที่ไดัรับการรักษาอาจมีภาวะซึมเศร้าซึ่งเป็นผลจากฮอร์โมนในยา คุมกำเนิดชนิดฉีดได้ อีกทั้งผู้ที่ได้รับการรักษาด้วยยาคุมกำเนิดชนิดฉีดมักจะมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฉีดเพื่อการรักษาในรายที่ยังมีความต้องการมีบุตร เนื่องจากการใช้ยาคุมกำเนิดมีผลกดการทำงานของรังไข่ในระยะยาว ดังจะเห็นได้จากเมื่อหยุดการรักษา ภาวะประจำเดือนของผู้ป่วยอาจจะผิดปกติได้ยาวนานกว่าที่รังไข่จะกลับมาทำงานปกติจนมีประจำเดือนตามปกติได้
  • ยาฮอร์โมนแอนโดรเจน ยาฮอร์โมนกลุ่มแอนโดรเจนที่มีในท้องตลาดคือ ยา Danazol ยากลุ่มนี้ให้ผลการรักษาโรคและลดอาการปวดประจำเดือนได้ดี อีกทั้งเป็นยาชนิดรับประทาน ซึ่งสะดวกต่อการใช้มากกว่ายาฉีด หากแต่ยากลุ่มนี้อาจจะมีอาการไม่พึงประสงค์คือ อาจส่งผลให้ผู้กินยามีลักษณะของเพศชายได้เช่น ผิวมัน หน้ามัน เป็นสิว มีขน หรือหนวดขึ้น และที่เป็นปัญหามากที่ สุดคือ อาจจะทำให้เสียงเปลี่ยนเป็นลักษณะแหบลงคล้ายเสียงผู้ชายได้ ซึ่งการเปลียนแปลงอื่นๆ ที่กล่าวมาข้างต้นสามารถหายไปได้หลังหยุดใช้ยา ยกเว้นการเปลี่ยนแปลงของเสียงซึ่งจะคงอยู่ ตลอดไปถึงแม้จะหยุดใช้ยาแล้วก็ตาม
  • ยาฮอร์โมน Gonadotropin-releasing hormone (GnRH) ชนิดฉีด ยาฮอร์โมนชนิดนี้เหมาะในผู้ป่วยที่ยังต้องการมีบุตร แต่มีอาการปวดประจำเดือนมาก ก็สามารถให้ยาฉีดดังกล่าวรักษาระ ยะสั้นๆได้ ถึงแม้ว่าในขณะรักษาจะไม่สามารถมีบุตรได้ก็ตาม ซึ่งข้อดีของยาตัวนี้คือ หลังหยุดยาแล้วรังไข่จะกลับมาทำงานได้ตามปกติทันทีที่หยุดให้ยา แต่ข้อเสียของยาตัวนี้คือ ราคาแพง และ มีผลไม่พึงประสงค์ (ผลข้างเคียง) มากเช่น มีอาการคล้ายวัยหมดประจำเดือน มีร้อนวูบวาบ อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย อาจมีภาวะกระดูกพรุนได้หากใช้เป็นระยะเวลานาน

การรักษาด้วยการผ่าตัด ผู้ที่ต้องได้รับการรักษาด้วยการผ่าตัดมีลักษณะดังต่อไปนี้
มีอาการปวดประจำเดือนหรือปวดอุ้งเชิงกรานมาก
ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยา
มีถุงน้ำที่รังไข่ขนาดใหญ่
มีภาวะมีบุตรยากหรือยังต้องการมีบุตร
***(คัดลอกจากบทความของคุณหมอฐิติมา)****
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
 ผมเข้าใจดีว่าเนื้อหาข้างบนนี้ยาวครับแต่ถ้าอ่านจนครับจะรู้ทันทีว่าการรักษาโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่นั้นไม่ได้ยาก แต่ก็ไม่ได้ง่ายขึ้นอยู่กับภาวะโรคของผู้ป่วยแต่ละราย ทีนี้เรามาโฟกัสที่การรักษาด้วยยาจะเห็นว่าการรักษาด้วยยาหากผู้ป่วยไม่ได้เป็นเยอะมาก ยาที่ใช้จะไม่ได้มีผลข้างเคียงเท่าใดแต่หากเป็นเยอะ แพทย์อาจพิจจารณาให้ยา Danazol หรือ GnRH  ซึ่งทั้งสองตัวมีดี และเสียต่างกันออกไป ดังนั้นหากจะมียาเข้ามาช่วยเป็นเครื่องมือให้แพทย์อีกชนิดผมก็คิดว่าเป็นทางออกที่เหมาะสมทีเดียวครับ
ทั้งนี้ ยาก็เหมือนเหรียญครับมีสองด้านเสมอ


โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

มาทำความรู้จักยาสำหรับแก้ปวดประจำเดือนกันดีกว่า

ข้่อดี ข้อเสีย ของมินิดอซ