วงแหวนคุมกำเนิดชนิดสอดช่องคลอด
ใครเป็นแบบนี้บ้างครับ
·
ไม่ชอบกินยา
·
ไม่ชอบฉัดยา
·
ไม่ชอบฝังยาใต้ผิวหนัง
·
ไม่ชอบถุงยางอนามัย
ผมเจอบ่อยๆครับที่ร้านยา ต้องยอมรับว่าแต่ละคนก็มีข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป
การมีทางเลือกใหม่ๆสำหรับการวางแผนครอบครัวก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดีใช่ใหมครับ
การมีทางเลือกใหม่ๆสำหรับการวางแผนครอบครัวก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดีใช่ใหมครับ
"วงแหวนคุมกำเนิดชนิดสอดช่องคลอด"
อาจจะเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้หญิงที่ต้องการคุมกำเนิดแต่ไม่สะดวกกับการต้องใช้วิธีการคุมกำเนิดที่เคยรู้จักมาก่อน
วงแหวนคุมกำเนิด
เป็นวงแหวนพลาสติกใส(ดังรูป)
มีตัวยาผสมอยู่ในวงแหวน
เป็นตัวยาเดียวกับที่อยู่ในยาคุมกำเนิดยีห้อ marvelon, mercilon และอื่นๆ
อีกหลายยีห้อ
ตัวที่ 1 ชื่อยาว่า Etonogestrel (อีโทโนเจสเทรล) ชื่ออาจจะยากไปหน่อยสรุปง่ายๆว่ามันยาเดียวกันกับโปรเจสตินที่ชื่อว่า
desogestrel ที่อยู่ใน mercilon(ไม่ทำให้อ้วนขึ้น) มีกลไกการคุมกำเนิดโดยการยับยั้งไม่ให้ไข่ตก
และเพิ่มการสร้างเมือกที่ปากมดลูกทำให้อสุจิผ่านเข้าไปได้ยากมากๆ
// ต่างกันที่ desogestrel
เมื่อถูกกระเพาะอาหารย่อยแล้วดูดซึมเข้ากระแสเลือดจะยังไม่ออกฤทธิ์
เลือดต้องนำยา desogestrel ไปที่ตับ จากนั้นตับจะย่อยจนกลายเป็นยาชื่อ Etonogestrel นั่นเอง //
ตัวที่ 2 ชื่อยาว่า ETHINYL
ESTRADIOL อันนี้ก็เอสโตรเจนทั่วๆไปเจอได้เกือบจะทุกยาคุมครับ
ประสิทธิภาพการคุมกำเนิด
หากใช้อย่างถูกต้องแปะๆนะครับจะมีโอกาสพลาดตั้งครรภ์แค่
0.3% เท่านั้นเอง แต่ก็นะคนเรามันไม่ตามหนังสือแปะๆหรอก ผลลัพธ์ก็ออกมาพลาดที่ประมาณ
9% คิดง่ายๆก็ราวๆ 1คนใน 11
คนครับ จัดอยู่ในระดับปานกลางพอๆกับกินยาคุมกำเนิดครับดังนั้นไม่ต้องคิดมากใครอยากใช้ก็ฝึกการใช้ให้ชำนาญ
อิอิ ผลลัพธ์ออกมาจะดีเอง
วิธีการใช้ :คล้ายกับการกินยาคุมคือสวมใส่ในวันแรกที่ประจำเดือนมา
ใช้ทั้งหมด 21วัน ถอดออกแล้วนับ 7 วัน แล้วใส่อันใหม่
วิธีใส่วงแหวนคุมกำเนิด จะคล้ายๆการใช้ยาสอดช่องคลอด
ขั้นตอนการใส่วงแหวนคุมกำเนิด
: (ดังรูป)
1. ให้เริ่มใส่ห่วงอนามัยในวันแรกของการมีเลือดประจำเดือนออกมา
2. ล้างมือให้สะอาด ฉีกซองออก หยิบวงแหวนออกมา
3.บีบวงแหวนเข้าหากันด้วยนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้
แล้วจึงค่อย ๆ สอดวงแหวนเข้าไปในช่องคลอด นิ้วชี้ดันเข้าไปให้สุด
หากใส่แล้วรู้สึกระคาย ให้ดันวงแหวนให้ลึกเข้าไปในช่องคลอดอีก
ในการใส่วงแหวนคุมกำเนิดครั้งแรกนั้นจะยังไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ทันที
ดังนั้นในช่วง 7 วันแรกของการใส่วงแหวน
จึงต้องใช้วิธีการคุมกำเนิดแบบอื่นร่วมด้วยเสมอ เช่น การสวมถุงยางอนามัย
หรืองดการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงระยะนั้น
วิธีการถอดวงแหวนคุมกำเนิด
ใช้นิ้วชี้หรือนิ้วกลางสอดเข้าไปเกี่ยววงแหวนคุมกำเนิดออกมาตามภาพ
หากลืมใส่วงแหวนควรทำอย่างไร
:
กรณีที่1 ถอดห่วงออกต่ำกว่า 24 ชั่วโมง ให้ล้างวงแหวนด้วยน้ำให้สะอาดและรีบใส่กลับไปทันที
กรณีที่1 ถอดห่วงออกต่ำกว่า 24 ชั่วโมง ให้ล้างวงแหวนด้วยน้ำให้สะอาดและรีบใส่กลับไปทันที
กรณีที่ 2
ถอดออกเกิน24ชั่วโมง รีบใส่กลับเข้าไปทันทีที่จำได้
และใช้วิธีการคุมกำเนิดแบบอื่นร่วมด้วยเป็นระยะเวลา 7 วัน เช่นถุงยางอนามัย No No ยาคุมฉุกเฉินนะครับ
กรณีที่ 3
ถอดวงแหวนออกมากกว่า 24 ชั่วโมงในระหว่างอาทิตย์ที่
3ให้รีบใส่ใหม่ทันทีและนับไปอีก 3สัปดาห์
ในระหว่างนี้คาดว่าส่วนใหญ่จะมีเลือดมาเป็นจุดๆ หยดๆได้ครับ
กรณีที่ 4
ลืมใส่วงแหวนในรอบใหม่ หลังจากที่เว้นช่วงไม่ได้ใส่มาเป็นเวลา
7วัน ให้รีบใส่วงแหวนเข้าไปทันทีที่จำได้
และใช้วิธีการคุมกำเนิดแบบอื่นร่วมด้วยเป็นระยะเวลา 7 วัน เช่น การสวมถุงยางอนามัย
หรืองดการมีเพศสัมพันธุ์
ผลข้างเคียงของวงแหวนคุมกำเนิด
(ไม่ใช่แพ้ยา ผมขอยกตัวอย่างเช่นกินยาลดน้ำมูกไหลบางอย่างแล้วง่วง อันนี้คือผลข้างเคียง นะจะ)
(ไม่ใช่แพ้ยา ผมขอยกตัวอย่างเช่นกินยาลดน้ำมูกไหลบางอย่างแล้วง่วง อันนี้คือผลข้างเคียง นะจะ)
ผู้หญิงส่วนมากที่ใช้วงแหวนคุมกำเนิดจะไม่รู้สึกผิดปกติไปจากเดิม
จะมีบางคนที่มีอาการคลื่นไส้ เวียนหัว ตึงคัดเต้านม(คล้ายๆยาคุมกำเนิดชนิดกิน)
ได้บ้าง ส่วนมากอาการเหล่านี้หากทนไหวแล้วใช้ต่อจะค่อยๆลดลงในประมาณ 1-2 เดือน
แต่หากใครทนไม่ไหวจริงๆสามารถปรึกษาแพทย์เพิ่มเติมได้ครับเพื่อเปลี่ยนวิธีคุมฯ
ก็ว่ากันไป
ข้อดี
1.เป็นยาที่จัดอยู่ในกลุ่มออกฤทธิ์เฉพาะที่ดังนั้นการรบกวนร่างกายส่วนอื่นๆก็น้อยกว่ายาคุมฯชนิดกิน
2.ตัววงแหวนคุมกำเนิดถูกออกแบบให้ปล่อยปล่อยตัวยาออกมาแค่พอใช้
ตามทฤษฎีจะทำให้ร่างกายไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของตัวยาดังนั้นจึงสามารถลดผลข้างเคียงได้ดีกว่าการกินยาเม็ดคุมกำเนิด
3.ผู้ใช้สามารถใส่ และถอดได้ด้วยตัวเอง
4.สามารถทดแทนยาเม็ดคุมกำเนิดได้ในคนที่ชอบลืมกินยา
5.เนื่องจากในวงแหวนมีส่วนประกอบของฮอร์โมนที่มีความจำเป็นสำหรับช่องคลอดทำให้ช่องคลอดไม่แห้ง
และป้องกันการตกขาวได้ในบางกรณ๊
ข้อเสีย
1.ราคาแพงหากเทียบกับยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดกิน
2.ผู้หญิงที่เริ่มใช้ใหม่ๆอาจไม่เคยชินการวิธีการใช้
3.ในผู้หญิงบางรายอาจมีอาการระคายเคืองได้
4. แน่นอนว่าไม่สามารถป้องกันโรคที่ติดต่อผ่านทางเพศสัมพันธุ์ได้
ยาก็เหมือนเหรียญครับมีสองด้านเสมอดังนั้นก่อนใช้ควรปรึกษาแพทย์และเภสัชกรทุกครั้ง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
สงสัยเรื่องยาถามได้เลยจ้า